ช่วงอายุพืช ระยะวิกฤติของพืช อาจอยู่ในช่วงออกดอก ติดผลอ่อน ช่วงแล้งพืชขาดน้ำ เช่น ข้าวช่วงตั้งท้อง การพ่นสารบางสูตรอาจมีผลกระทบต่อพืชได้ 6. การผสมสารหลายชนิด ในประเด็นนี้ผู้เขียนเคยนำเสนอมาครั้งหนึ่งแล้วว่า การผสมสารเคมีหลายชนิด บางครั้งอาจเกิดพิษต่อพืชได้ เช่น การผสมสารกำมะถัน (ซัลเฟอร์) หรือสารเคมีกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตที่มีองค์ประกอบของซัลเฟอร์ (ไดเมทโทเอต โอเมทโทเอต เฟนโทเอต โพรฟีโนฟอส คลอร์ไพริฟอส ไตรอะโซฟอส โพรไทโอฟอส ฯลฯ) ไม่ควรผสมกับกลุ่มไวท์ออยล์และปิโตรเลียมออยล์ หรือใช้สารสูตร EC ผสมกับสูตร EC ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดพิษต่อพืชได้ เช่นกรณีล่าสุดที่เพิ่งนำเสนอไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พ่นสารคลอร์ไพริฟอส +ไซเพอร์เมทริน +แคปแทน+สารจับใบ ทำให้ดอกกล้วยไม้เสียไปทั้งสวน 7.
เกิดจากตัวสารเคมีเอง ได้แก่ สารที่มีสูตรโครงสร้างมาจากกลุ่มเบนซอยยูเรีย เช่น ไดฟลูเบนซูรอน คลอร์ฟลูอาซูรอน โนวาลูรอน ลูเฟนนูรอน ฯลฯ กลุ่มนี้ถ้าใช้ในอัตราสูงอาจเป็นพิษในช่วงพืชออกดอก หรือติดผลโดยเฉพาะผลไม้ที่มีไข หรือมีนวล (คะน้า องุ่น น้อยหน่า) 3. อัตราการพ่น การพ่นสารในอัตราสูงคือการพ่นละอองสารที่โตเกินไป ทำให้พืชได้รับสารเคมีเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจ บางครั้งอาจเรีกว่า พ่นมากจนเป็นการรดน้ำให้พืช เช่น การพ่นคะน้า 1 ไร่ ถ้าพ่นแบบใช้เครื่องยนต์พ่นสารแบบแรงดันน้ำสูง จะใช้อัตราการพ่นประมาณ 100 -120 ลิตรต่อไร่ แต่เกษตรกรพ่นถึง 200 ลิตรต่อไร่ ทำให้เสี่ยงที่จะเกิดความเป็นพิษต่อพืช 4. ความถี่การพ่น ผมเคยไปตรวจสอบแปลงที่เกิดอาการเกิดพิษต่อพืช หลายพืชเกิดจากพ่นถี่เกินไป สารเคมีเป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับพืช หลังจากพืชได้รับจะเคลื่อนย้ายไปตามท่อน้ำ หรือดูดซึมผ่านใบที่เรียกว่า ทรานลามินาร์ (Translarminar activity) พอไปอยู่ในเซลที่ใบพืช จะพยายามขับถ่ายออกมาทางปากใบ ใช้ระยะเวลาหนึ่งขึ้นกับครึ่งชีวิตของสาร แสงแดด ปริมาณน้ำฝน หรือการให้น้ำ บางครั้งพืชยังขับถ่ายไม่หมด สารเคมีก็ถูกเติมลงไป ทำให้เกิดพิษต่อพืช 5.
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และตอบคำถามให้กับสาว ๆ ที่อยากมีผมนุ่มสลวย เปล่งประกายเงางามจนใคร ๆ ก็ต้องหันมอง อากาศร้อนแสนร้อนแบ บนี้ หากดูแลผิวหน้า ผิวกายเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมดูแลเส้นผมไปพร้อมกันด้วยนะคะ! ในบทความหน้าสาว ๆ คนไหนที่มีผมหยิกแล้วอยากที่จะมีเส้นผมที่ตรง เรามีบทความ 5 วิธียืดผมหยิกของคุณให้ตรงสวย สามารถคลิกเข้าไปอ่านได้เลยนะคะ
ยาย้อมผมอาจเปลี่ยนสีผมเพียงชั่วคราว หรือเปลี่ยนสีผมอย่างถาวร (จนกว่าจะมีผมงอกขึ้นมาใหม่) ซึ่งผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมในท้องตลาด แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. ยาย้อมผมชนิดชั่วคราว ประกอบด้วยสีที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ เคลือบบนชั้นนอกของเส้นผม ซึ่งสีนี้จะหลุดออกภายหลังจากการสระผมด้วยแชมพูเพียงครั้งหรือสองครั้ง 2. ยาย้อมผมชนิดกึ่งถาวร ประกอบด้วยสีที่มีขนาดโมเลกุลเล็ก ซึ่งสามารถซึมเข้าไปถึงชั้นกลางของเส้นผมได้ สีจะคงทนได้นาน 3-5 สัปดาห์ 3.
ปกป้องเส้นผมของเรา สาว ๆ ต้องมีความงงงวยกันประมาณนึงแน่นอนเลย ว่าจะดูแลเส้นผมได้ยังไงนอกจากบำรุงผมหรือใช้ยาสระผมที่เข้ากับหนังศีรษะของเรา แต่เส้นผมของเราก็ต้องการการดูแลและปกป้องไม่ต่างจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเลย ยิ่งตอนเราไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ไปเที่ยวทะเล ก็ควรพกผลิตภัณฑ์ปกป้องเส้นผมจากแสงแดดไปอีกหนึ่งไอเท็มด้วย เพราะนอกจากจะช่วยบำรุงเส้นผมให้เงางามแล้วยังปกป้องเส้นผมจากแสงแดดได้อีกด้วยค่ะ 5. สระผมด้วยน้ำในอุณหภูมิที่เหมาะสม อุณหภูมิของน้ำในการทำความสะอาดเส้นผม คือปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามถ้าอยากลดปัญหาผมชี้ฟูจัดทรงยาก ควรใช้น้ำเย็นกว่าอุณหภูมิห้องหรือ ถ้าอยากใช้น้ำอุ่นจริง ๆ ให้ใช้ตอนล้างแชมพูเท่านั้น แล้วให้ใช้น้ำเย็นล้างครีมนวดอีกครั้งในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อปิดเกล็ดผมและลดความชี้ฟูของเส้นผมของเรานั้นเอง Source: 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10
ไอโอดีน ได้แก่ อาหารทะเลต่าง ๆ เช่น ปลา กุ้ง สาหร่าย และอาหารที่ปรุงด้วยเกลือเสริมไอโอดีน 5. อาหารที่มีธาตุซิลิคอน คือ ข้าวที่ไม่ได้ขัดสี ข้าวกล้อง ข้าวแดง รองลงมาได้แก่ แตงกวา สตรอเบอร์รี่ หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลี ผักกาดหอม ผักโขม 6.
ก่อนการใช้ยาย้อมผมแต่ละครั้ง ควรทดสอบว่าคุณจะแพ้สารเคมีที่เป็นส่วน ผสมอยู่ในยาย้อมผมหรือไม่ แม้คุณจะเคยใช้ยาย้อมผมชนิดนั้นโดยไม่เกิดการแพ้มาก่อนก็ตาม โดยปกติจะมีวิธีทดสอบการแพ้ที่เรียกว่า Patch Test ระบุในใบแทรกที่แนบมากับผลิตภัณฑ์ ซึ่งทำได้โดยทำความสะอาดบริเวณหลังใบหู หรือบริเวณข้อพับข้อศอกด้านใน แล้วใช้ก้านสำลีจุ่มยาย้อมผมที่ผสมแล้วเพียงเล็กน้อยทาที่บริเวณดังกล่าว ให้กว้างประมาณครึ่งนิ้ว ทิ้งไว้ให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออกเป็นเวลา 24 ถึง 48 ช. ม.
ม. - สวมถุงมือยางขณะทำการย้อมผม - ทำตามวิธีใช้ของแต่ละผลิตภัณฑ์ - ให้หยุดใช้ และล้างออกด้วยน้ำทันที เมื่อมีอาการคัน ผื่นแดง ปวดแสบปวดร้อนบริเวณที่ใช้ หรือที่ถูกน้ำยา - เก็บผลิตภัณฑ์ย้อมผมในที่มืด และเย็น - ไม่เทน้ำยาผสมที่เหลือกลับขวด เนื่องจากภาชนะบรรจุอาจระเบิด ให้ทิ้งในที่ที่เหมาะสม - ไม่ใช้ยาย้อมผม ย้อมขนตา หรือขนคิ้ว เพราะอาจทำให้ตาบอด - หญิงมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาย้อมผม เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 13 (พ. ศ. 2525) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ. 2517 เกี่ยวกับคำเตือนซึ่งผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายต้องระบุไว้บนฉลากของน้ำยาย้อมผม หากคุณเกิดอาการแพ้เมื่อใช้ยาย้อมผมชนิดถาวรแบบที่ซึมเข้าเส้นผมตามที่ได้ กล่าวไปแล้ว ก็ยังมีผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมชนิดอื่นๆ ให้คุณเลือกใช้ได้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารจากธรรมชาติ ซึ่งปราศจาก PPD ที่มักทำให้เกิดอาการแพ้ ดังนั้นการอ่านฉลากที่ระบุส่วนประกอบสำคัญในยาย้อมผม จะช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตัวเอง และทำให้คุณสวยสมวัยอย่างปลอดภัยได้ บรรณานุกรม The Bisphenol-A Debate: A Suspect Chemical in Plastic Bottles and Cans by Catherine Zandonella, M. P. H [online] accessed on August 23, 2007.